หนึ่งคำที่เน้นย้ำมาโดยตลอดเวลาใช้งานบน Facebook คือคำว่า “Facebook ปิดกั้น” คำนี้เป็นคำที่สร้างทัศนคติที่ผิดและทำให้การวางแผนในการทำงานพลาดโดยตรรกะของ Facebook แล้วตามปกติ จะไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าปิดกั้น แต่ Facebook จะใช่ระบบเรียงลำดับ หมายถึง Facebook จะสรรหาเรื่องที่คิดว่า User จะสนใจมากที่สุดให้ปรากฎของ Feed ก่อน และเรื่องไหนที่ AI คิดว่า User จะสนใจน้อยก็เรียงลำดับน้อยลงลดหลั่นกันไป การที่ยอดริชของเพจแต่ละเพจน้อยลง จึงมีสาเหตุมาจาก จำนวนคอนเทนท์บนหน้าฟีดที่มากขึ้น รวมไปถึงดราม่าต่าง ๆ ที่สังคมเราสร้าขึ้นมา ดึงความสนใจจากเรื่องที่เป็นความสนใจทั่วไป
แต่ถามว่าการปิดกั้นนั้นมีอยู่มั๊ย คำตอบคือมี แต่เป็นการมีในลักษณะของบทลงโทษ อาทิ มีการทำผิดกฎของ Facebook หรือรายละเอียดเล็กน้อยเช่น การใช้สัญลักษณ์เกี่ยวกับระเบิดหรือไฟในช่วงสงคราม เป็นต้น
ทีนี้พอเราตั้งอยู่บนความเข้าใจแล้ว จะเห็นว่าปัญหาที่แท้จริงของ Content Creator คือปริมาณ Content ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากบน Platform Social Media ใหญ่ ซึ่งจะแชร์ริชออกไป
การจะเดินบนเส้นทางของ Social Media Content Creator จึงต้องเข้าใจว่าที่จริงแล้วคุณลักษณะเด่นของ Content Creator ในปัจจุบันนั้นสามารถทำงานได้ลึกถึง 3 ระดับ
1. Make Awareness
2. Make Connection
3. Make Conversion
Make Awareness คือพื้นที่ที่ทุกคนต่างแย่งชิง มันคือการพูดถึงริช การพูดถึงการแชร์เยอะ ๆ และเมื่อมันเป็นพื้นที่ที่ทุกคนแย่งชิง จึงทำให้เกิดปัญหาเพราะการแข่งขันสูง แต่ในขณะเดียวกันนักการตลาดสมัยใหม่เอง เริ่มตั้งคำถามว่า Awareness อย่างเดียวนั้น มีคุณค่าเพียงพอหรือไม่สำหรับ Brand
Make Connection จึงเป็นคุณสมบัติที่หลายแบรนด์เริ่มมองหา การเลือก Content Creator ที่มีภาพจำชัดเจน คาแรคเตอร์ตรงกับ Brand เริ่มเป็นที่ต้องการมากขึ้น มูลค่าสูงขึ้น Content Creator หลายคนมีค่าตัวสูงเพราะจุดยืนที่ชัดเจนมากกว่ายอดริชที่สูง ในมิตินี้เราเรียกการเชื่อมต่อนี้ว่าเป็น Brand Connection ในขณะเดียวกันก็ยังมีอีกมิติที่เรียกว่า Media Connection ซึ่ง Brand มักใช้สารพัดเทคนิคในการชี้วัดว่า Content ที่ผลิตผ่าน Content Creator สามารถมา landing ยังพื้นที่ที่ Brand ต้องการได้หรือไม่ โดยพื้นที่ดังกล่าวก็สามารถจัดวางได้หลากหลาย อาทิ Fanpage ของ Brand, Website ของ Brand หรือแม้กระทั่ง Inbox ของ Brand เป็นต้น
Make Conversion เป็นปลายทางที่จะทำให้ทุกฝ่ายเป็นผู้ชนะ นั่นคือการมองว่า Content สามารถแปลเปลี่ยนมาเป็นยอดขายได้หรือไม่ เทรนด์ที่เราจะพบมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้แก่ การทำ Special Promotion ผ่าน Content Creator, การใช้ Promotion Code หรือการใช้ระบบ Affliate เมื่อ Content สามารถสร้าง Conversion ได้ ผลลัพท์ที่ตามมา คือ
– User จะได้ Offer ที่ดี
– Brand จะได้ยอดขาย
– Content Creator จะได้ Fee จากยอดขาย และจะได้มูลค่าของ Content ในมุมที่ใคร ๆ ก็ต้องการ
หาก Content Creator เข้าใจในจุดเด่นของตัวเองและพัฒนาให้ Brand และ Content สามารถตอบโจทย์ทั้ง 3 ข้อได้แล้ว ย่อมทำให้สามารถเดินบนอาชีพได้อย่างมั่นคง
ในขณะที่ Brand หากเข้าใจถึงคุณลักษณะเด่นของ Content Creator แล้วก็ย่อมสามารถสร้างมิติในการวางแผนการตลาดได้อย่างลึกซึ้งและทรงประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน